รูปแมวที่คุณเห็นอยู่นี่นะครับ ดูเป็นยังไบ้างครับ มันสวย มันน่ารักไหมครับ มันดูมีความพิเศษอะไรหรือป่าว ผมไม่ได้มาชวนเล่นเกมส์จับผิดภาพนะครับ แต่กำลังจะบอกว่า รูปแมวรูปนี้ ขายได้ถึง $19,000 หรือประมาณ 6 แสนบาทไทย เฮ้ยยย .. มันจะเป็นไปได้ยังไง แต่มันเกิดขึ้นแล้วครับ
ทำไมรูปหรือภาพดิจิตอลที่เป็นไฟล์ jpg หรือ png ทั่วไป ที่เราสามารถกอปปี้ ส่งต่อ เอาไปโพสได้ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถึงมีค่า มีราคาได้ขนาดนั้น?
สิ่งหนึ่งนะครับที่เป็นความพิเศษที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ขึ้น คือ.. วันนี้มันมีสิ่งที่เรียกว่า NFT ซึ่งเป็นการเข้ารหัสดิจิตอลแบบหนึ่ง ที่ทำให้ทุกคนรู้ได้ว่า รูปแมวรูปนี้มีความเป็นต้นฉบับเป็นของจริง และมีอยู่แค่ชิ้นเดียวเท่านั้น และบอกได้ด้วยว่าใครเป็นคนครอบครองอยู่ในตอนนี้ หมายความว่ารูปแมวที่ผมกอปปี้มาแปะที่คลิปนี้ที่เรากำลังนั่งดูมันอยู่ มันไม่ใช่ตัวที่เป็นต้นฉบับ และมันไม่สามารถซื้อขายได้ ต้องเป็นตัว original ที่มี nft หรือการเข้ารหัสเท่านั้นที่จะมีมูลค่า และด้วยความที่มันมีชิ้นเดียวนี่แหละครับที่ทำให้มันแพง เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ถ้าคนยังมีความต้องการ ราคามันก็จะยิ่งสูงขึ้น
คำที่ใช้เรียกสิ่งเหล่านี้คือคำว่า Crypto Art หรืองานศิลปะเข้ารหัสนั่นเองครับ
ในช่วงปีที่ผ่านมา NFT หรือ Crypto Arts ได้เปลี่ยนแปลงโลกของศิลปะและงานสะสมไปอย่างมาก และมีเงินหลั่งไหลเข้ามาในตลาดนี้เป็นจำนวนมหาศาล ผมเป็นคนนึงครับที่ตอนแรกได้ยินเรื่องซื้อขายรูป jpg กันด้วยราคาขนาดนี้รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่บ้าบอมากๆ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่กำลังเกิดขึ้น ถึงเรื่องนี้มันจะมีความเป็นเทคโนโลยีขั้นสูง มีคำว่า crypto หรือ Blockchain ที่ทำให้หลายๆ คนต้องมองบน แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้เราคงหนีมันไม่พ้น และถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังสร้างสรรค์งานดิจิตอล จะเรียกว่าเป็นงาน ศิลป หรือไม่ใช่ก็ตาม อย่างน้อยคุณควรจะรู้เรื่องนี้ เดี๋ยวผมจะค่อยๆ พาคุณไปรู้จักสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้นนะครับ
ทีนี้เรามาทำความรู้จักกับ nft กันหน่อยดีกว่าครับ
nft มาจากคำว่า non fungible token
คำว่า fungible หมายถึงสิ่งที่เราสามารถแลกเปลี่ยน หรือหามาทดแทนได้ในมูลค่าที่เท่าๆ กัน ตัวอย่างของ fungible ที่เป็น physical หรือจับต้องได้ก็เช่น เงินบาท เงินดอลลาร์ ทอง และที่เป็น digital ก็เช่น Bitcoin Eterium พวกตระกูลเหรียญ criptocurrencies ต่างๆ นะครับ ถ้าผมมีเงินอยู่ 1000 บาท ผมสามารถแลกกับแบงค์ 500 ได้ 2 ใบ หรือแลกแบงค์ร้อยได้ 10 ใบ มันแลกเปลี่ยนกันได้ในมูลค่าที่เท่าๆ กัน
ส่วน non fungible นี่ ก็จะตรงกันข้ามกับ fungible เลย มันคือสิ่งที่ทดแทนกันไม่ได้ มีความ unigue มีชิ้นเดียว ตัวอย่างที่เป็น physical หรือที่เราจับต้องได้ เช่น งานศิลปะ งาน painting ของศิลปินชื่อดังอย่าง ปิกัสโซ่ แวนโก๊ะ มันมีชิ้นเดียว ทำใหม่ไม่ได้ เราถ่ายรูปมันมาพิมพ์ใหม่ ก็ไม่สามารถมีมูลค่าเท่าของจริงได้ และ non fungible ที่อยู่ในรูป digital ก็เช่น Graphic Arts ,งานศิลปะที่ทำอยู่ในรูปแบบ digital , คลิปวีดีโอ รูปถ่าย, เพลง ใช่หมดเลย
ส่วน token จะทำหน้าที่เหมือนเป็น digital certificate หรือใบรับรองดิจิตอล ว่าสิ่งนี้มีอยู่ชิ้นเดียว ไม่สามารถทำซ้ำหรือทดแทนได้ และจะถูกบันทึกอยู่ในเครือข่ายไรศูนย์กลาง ที่มีความปลอดภัย และเที่ยงตรงสูง ที่พวกเราน่าจะเคยได้ยินมาบ้า
งแล้วนะครับที่ชื่อว่า Blockchain นั่นเองครับ
สรุปให้สั้นๆ นะครับ nft ก็คือ
“สินทรัพย์ digital ที่มีการระบุกรรมสิทธิ์ ทุกคนตรวจสอบได้ มีการรับรองความถูกต้องโดย blockchian”
ผมมีเรื่องราว เหตุการที่เกิดขึ้น จากการเข้ามาของ nfts ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง รับรองว่าคุณจะต้องร้อง “อิหยังวะ” แน่นอน
เรื่องแรกเรามาดูที่สุดของวงการ nft crypto art ที่เราต้องรู้เลยนะครับ กับงานศิลปะ ดิจิตอลที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาตร์ งานชิ้นนี้มีชื่อว่า EVERYDAYS: THE FIRST 5000 DAYS ทำโดยศิลปินที่ใช้ชื่อ Beeple ซึ่งมีการประมูลจบกันไปที่ราคา $69 ล้านดอลล่า หรือเทียบเป็นเงินไทยประมาณ 2 พันล้านบาท พระเจ้าาาา
มารู้จักเจ้าของงานกันนิดนึงนะครับ ศิลปินที่ใช้ชื่อ Beeple ชื่อจริงเค้าคือ Mike Winkelmann เป็น Graphic designer ชาวอเมริกัน ภาพดิจิตอลที่เค้าขายไปเป็นการเอาภาพที่เค้าสร้างทั้งหมด 5000 ชิ้นงานในระยะเวลา 13 ปีของเค้ามารวมเป็นภาพเดียว และก่อนหน้านี้นะครับ mike เคยขายงานดิจิตอลที่ชื่อ crossroad ไปในวันที่ 1 พย 20 ในราคา 6 หมื่นดอลล่า และคนที่เป็นเจ้าของใหม่ที่ซื้อไปได้ขายต่อในเดือน กพ 21 ในราคา 6 ล้านดอลล่า 100 เท่าใน 4 เดือน
CryptoKitties คริปโตคิตตี้เป็นเกมส์ เกมส์หนึ่งครับ และเป็นที่มาของรูปแมวที่ทำให้เรางงกับราคาซื้อขายที่ผมให้พวกเราดูกันไปตอนต้นนั่นเอง คริปโตคิตตี้ เป็นเกมส์ที่เราสามารถซื้อ แมว มาเลี้ยง พูดง่ายๆ ก็เหมือนซื้อขาย item ในเกมส์ทั่วไปนั่นแหละครับ ซึ่งก็จะมีให้เลือกหลากหลายพันธ์ หลากหลายรุ่น และเมื่อแต่ละพันธ์ที่เราซื้อมามันออกลูก ลูกก็จะมีคุณสมบัติ ลักษณะใหม่ๆ ขึ้นมา เราสามารถเอามันไปขายใน marketplace ได้ด้วย และแน่นอนครับมันคือการซื้อขายรูปนี่แหละ
ระบบออกแบบมาให้เรา สะสม ซื้อขายแลกเปลี่ยนเป็นหลักครับ เพราะด้วยความที่แมวในเกมส์ทุกตัวมี nft ยืนยันความเป็น original และกรรมสิทธิ์การครอบครองอย่างชัดเจน สิ่งนี้เล่นกับความรู้สึกคนเล่นเกมส์นี้มาก และเมื่อมีคนเล่นมากขึ้น มีการยอมรับมากขึ้น ความต้องการก็สูงขึ้น มูลค่าแมวที่มีลักษณะแปลก หรือโดดเด่นก็จะเป็นที่ต้องการให้คนสะสมมากขึ้น แมวรุ่นเก่าๆ ที่เป็น generation แรกๆ ตั้งแต่เกมส์เปิดตัวมา มูลค่าก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามวันเวลา ซึ่งก็เป็นไปตามรูปแบบของหายาก ของสะสมแบบนั้นเลย
nbatopshot.com ที่รวมเอา ดารา นักบาสใน Nba เอา moment การยัดห่วง การล่นท่าต่างๆ เป็นคลิปสั้นๆ มาขายให้คนมาซื้อลิขสิทธิ์ไปครอบครอง และแน่นอนว่า ส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นการครอบครองเพื่อเกร็งกำไร และบางส่วนเป็นแฟนพันธ์แท้อยากสะสม เพราะด้วยความที่มันเป็น moment ที่มีครั้งเดียว ถึงจะหาดูได้ทั่วไป แต่การได้ชื่อว่าเราเป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์โมเมนนั้นๆ อารมณ์มันคนละเรื่องเลยหละครับ
การเป็นคนดัง ไม่ว่าจะเป็นดารา youtuber influencer หรือคนที่มีชื่อเสียงด้านต่างๆ ก็มีโอกาสที่จะทำเงินจากการเข้ามาของ nft ได้ง่ายๆ เลยเหมือนกัน คนที่ผมกำลังจะพูดถึงไม่ได้เป็นศิลปินที่ทำงานกราฟิกอะไรนะครับ เค้าเป็น co founder ของ Twitter ใช่ครับผมกำลังพูดถึง jack dorsy ที่เค้าเพิ่งจะเอา tweet แรกของเค้า และเป็น tweet แรกของ app twitter ด้วย ผมเข้าใจว่าเป็นการแคบภาพนะครับ แล้วเอามาทำการเข้ารหัส nft และนำออกมาให้คนทั่วไปประมูลกัน ล่าสุดวันที่ผมทำคลิปนี้ ราคาไปอยู่ที่ $2.5 ล้านดอลล่าร์เรียบร้อย
อีกคนหนึ่งนะครับ คนนี้เค้าเป็น youtuber ชื่อดัง ที่ผมก็เพิ่งรู้จักเค้าจากเรื่องของ nft นี่แหละครับ youtuber คนนี้ชื่อ logan paul มีผู้ติดตามราวๆ 22 ล้านคน เยอะมากกก หนุ่มคนนี้ใช้เวลา 30 นาที ในการทำเงิน 5 ล้านดอลล่าร์ จากการขายรูป รูป nft นี่แหละครับ
Logan paul เค้าทำไฟล์รูปเคลื่อนไหวออกมาในรูปแบบ card สะสม อารมณ์ประมาณ card pokemon นั่นหละครับ แต่เป็น card ตัวเค้าเอง ทำออกมาเพื่อให้แฟนคลับได้สะสม และก็ขายได้ด้วย… อืมมม
และสำหรับในประเทศไทยตอนนี้ที่กำลังมาเลยก็คือ bitkub ที่กำลังจะใช้เทคโนโลยี nfts ในการเข้ารหัส Moment หรือช่วงเวลาที่น่าจดจำในงานวีดีโอของ youtuber ชื่อดังในไทย เช่น bie the ska , เก๋ไก๋ สไลเดอร์, คิวเท โอบป้า และอีกหลายๆ คนนะครับ ซึ่งจะเปิดให้แฟนคลับได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โมเมนต์ประทับใจเหล่านั้นได้ คล้ายๆ กับ nbatopshot ที่ผมได้เล่าให้ฟังก่อนหน้านี้นะครับ ก็เป็นอะไรที่ใหม่มากๆ นะครับในบ้านเรา ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไป ว่าจะเป็นยังไง จะออกมาแบบไหน
ในความเข้าใจของผมนะครับ การเข้ามาของ nft เนี่ยมันทำให้ สิ่งที่เป็น Digital มีความ Rare หรือ กลายเป็นของหายาก ด้วยความที่มีชิ้นเดียว และเจ้าคำว่า RARE เนี่ยแหละครับมันทำให้คนเรามีความรู้สึก เจ๋ง เมื่อได้ครอบครองมัน และแน่นอนครับก่อนจะเจ๋งได้ เราต้องมีตังค์ด้วย..
หลังจากที่ผมได้รู้จักกับ nft นะครับ และก็ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่มีคนพูดถึง และสนใจเรื่องนี้อยู่ ทำให้พบว่ามีคนไทยที่ทำงานทางด้านกราฟฟิก งาน digital art ฝีมือดีมีอยู่เยอะมากๆ และหลายๆ คนเริ่มส่งงานเข้าสู่ระบบ crypto art กันแล้วด้วยครับ นี่น่าจะเป็นข้อดีที่ผมรู้สึกว่าใกล้ตัว และจับต้องได้ การที่ ศิลปินตื่นตัวที่จะทำงานใหม่ๆ มากขึ้น มีแนวทาง มีช่องทางสำหรับคนรุ่นใหม่ หรืออาจะเป็นคนรุ่นเก่าที่ยังมีไฟ สามารถที่จะต่อยอดจากงานของตัวเองได้ และต่อไปประโยคที่ว่า ศิลปินไส้แห้งอาจจะไม่ได้ถูกหยิบมาใช้อีกเลย ก็เป็นไปได้นะครับ