เป็นอีกวันที่รู้สึกว่า เวลาหนึ่งวันนั้นมันช่างสั้นซะเหลือเกิน
ดูเหมือนผมจะไม่มีเวลาพอจะทำอะไรให้เสร็จได้อย่างที่ตั้งใจ และเกือบจะไม่ได้เขียนโพสประจำวันนี้ให้ทุกคนได้อ่านกันด้วย!
โดยปกติผมเป็นคนช่างวางแผน ยิ่งรายวันแบบนี้ผมจะชัดเจนเอามากๆ ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง หนึ่ง สอง สาม สี่ และส่วนใหญ่จะทำได้ใกล้เคียงกับที่ตัวเองคาดหวังเอาไว้ค่อนข้างดี ถึงแม้ว่าจะมีบางวันที่ถือว่าห่างไกลจากแผนงานไปบ้างก็ตาม แต่ก็ถือว่ามีน้อยมากๆ
วันนี้ภาระหน้าที่หนึ่งที่อยู่นอกเหนือจากแผนประจำวันของผมไปมากๆ ก็คือ แฟนคนเดียวของผมอยู่ๆ ก็เกิดมีแรงบันดาลใจอันเหิมเกริมขึ้นมา ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าแรงบันดาลใจอันฮึกเหิม ที่อยากจะมีชื่อว่าเป็น Artist ทำ Digital Planner วางขายในร้านของตัวเองดูบ้าง ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่มันจะต้องเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผมอย่างแน่นอน
โดยปกติแล้วร้าน Digital Planner ของเราที่เปิดขายมากว่า 7 ปี จะมีคนสร้างสรรค์งาน Digital Planner อยู่ไม่กี่คนรวมตัวผมเองด้วย ส่วนแฟนผมนั้นนอกจากหน้าที่รับเงินแล้ว เธอยังเป็นคนทำ Research ตลาด Digital Planner และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ ของร้าน ซึ่งก็เรียกว่ามีงานที่ทำได้ดีค่อนข้างเยอะอยู่แล้วเช่นกัน
คำถามคือแล้วทำไมวันนี้เธอถึงอยากจะมาทำ Digital Planner เอง??
ถึงผมจะอยากรู้คำตอบแค่ไหน แต่ใครมันจะกล้าถามไปตรงๆ ล่ะครับ ผมเชื่อว่าหน้าที่ของสามีที่ดีก็คือ เมื่อภรรยาอยากทำอะไร ก็จงน้อมรับและช่วยเหลือให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นให้ได้ไวที่สุด และดีที่สุด อย่าบ่น อย่าถามอะไรให้มากเรื่อง เพราะนอกจากจะไม่ได้คำตอบแล้ว ชีวิตเราอาจตกอยู่ในอันตรายโดยไม่จำเป็นเอาได้
ได้เลย อยากทำนักใช่ไหม เอาคอร์สเรียนสร้าง Digital Planner ด้วย InDesign ที่ผมทำเอาไว้ไปนั่งเรียนก่อนเลย นี่อาจจะทำให้เธออยู่ๆ นิ่งๆ เรียนรู้ไปได้อย่างน้อยๆ 5-6 ชั่วโมง
🙎🏻♀️ “ตัวเองซื้อ InDesign ให้หน่อย เค้าจะนั่งทำแล้ว”
เสียงเธอดังขึ้นหลังจากนั่งดูคอร์สเรียนการสร้าง Planner ที่ดีที่สุดในโลกไปได้เพียง 10 นาที!!
👨🏻🦱 “โอว ดีจังเลยที่รัก เรียนรู้ไปด้วยลงมือทำไปด้วย Learning by doing แบบนี้ทำเป็นเร็วแน่นอนจ๊ะ”
ผมตอบเธอ ทั้งที่ในใจไม่ได้คิดแบบนั้นเลย (อ๊ะ ล้อเล่น)
ผมใช้เวลาในการสมัคร Adobe Creative Cloud อยู่พักใหญ่ๆ พร้อมจัดการติดตั้งโปรแกรม InDesign ในเครื่องของเธอเพื่อที่เธอจะได้ Learning by doing ให้ฉ่ำอย่างที่ตั้งใจไปเลย
🙎🏻♀️ “ตัวเอง เราจะใส่ลิงก์ให้ planner แบบนี้ต้องทำเป็น block ด้วยไหม”
เธอปาคำถามมาอีกครั้งหลังจากที่เริ่มเปิดโปรแกรมไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
👨🏻🦱 “ตัวเองยังเรียนไม่ถึงเรื่องการทำลิงก์เลย ค่อยๆ ทำตามไปทีละขั้นตอนดีกว่านะ จะได้เข้าใจและทำตามได้ เพราะเค้าบอกเอาไว้หมดแล้ว แค่ตัวเองยังเรียนไปไม่ถึง”
ผมตอบด้วยเสียงอันอ่อนโยน แม้ในใจอยากจะตะโกนใส่ก็ตาม (อ๊ะ ล้อเล่น อีกแล้ว)
และมันยังไม่จบเท่านี้ ตลอดทั้งวัน ผมต้องตอบคำถามมากมาย และมันก็ทำให้สมาธิในการโฟกัสกับสิ่งที่ผมต้องทำนั้น มลายหายวับไปสิ้น จนต้องเปิดโหมดสแตนบาย รอตอบคำถามให้เธอผู้ฝักใฝ่การเรียนรู้แทน
นี่เป็นเวลาเกือบๆ สามทุ่มแล้วครับ ผมพยายามมานั่งเขียนโพสให้ได้ตามที่ผมได้สัญญากับตัวเองเอาไว้ ว่าผมจะต้องเขียนโพสให้ได้ทุกวันเป็นเวลา 30 วัน และในขณะที่ผมนั่งเขียนอยู่นี้ โหมดสแตนบายตอบคำถามก็ยังถูกให้ทำงานอยู่ตลอดเช่นกัน เดิมทีผมมีหัวข้อเรื่องที่จะต้องเขียนอยู่แล้ว แต่ผมไม่สามารถที่จะมีสมาธิเขียนเรื่องที่ต้องการได้ ผมเลยตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้แทน.. และดูเหมือนว่าจะค่อนข้างลื่นไหลดีทีเดียว 😅
☘️ “Lifelong Learning”
ผมเห็นด้วยกับคำนี้มากๆ การเรียนรู้เป็นเรื่องที่ต้องทำกันไปตลอดทั้งชีวิต เราทุกคนสามารถเปิดโอกาสให้ตัวเราเองได้เรียนรู้เรื่องอะไรก็ได้ที่เราสนใจ เป็นการพัฒนาตัวเองให้ไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ และเพิ่มโอกาสดีๆ ให้เกิดขึ้นในชีวิต และผมก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่แฟนผมอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ อย่างวันนี้ (อันนี้จากใจ)
ผมเชื่อว่าเราทุกคนส่วนใหญ่ไม่ต่างจากแฟนของผมกันเท่าไหร่ ในวันที่เราเริ่มต้นที่อยากจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เรามักที่จะประเมินตัวเองเก่งเกินกว่าที่เป็น เราคิดว่าเราจะสามารถสรรค์สร้างสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้ในชั่วเวลาอาหารเช้า ซึ่งในความเป็นจริงนั้นมันมีกระบวนการเรียนรู้ของมันอยู่ในทุกสิ่ง เราต้องนับและก้าวไปตามจังหวะของตัวเอง เร็ว ช้า แตกต่างกันไปในแต่ละคน การใจเร็วด่วนได้มีแต่จะทำให้เราหมดแรงลงไปก่อน ที่ภาพอะไรๆ จะชัดเจน อันนี้ผมไม่ได้ว่าใครนะครับ เพราะผมเองก็ใจร้อนอยากเก่ง อยากทำได้ไวๆ ไม่น้อยไปกว่าใครเช่นกัน
ช่วงโควิดผมเกือบปาคีย์บอร์ดทิ้งหลังจากที่ทะเลาะกับมัน เพียงเพราะผมไม่สามารถพิมพ์สัมผัสให้เก่งได้หลังจากที่ฝึกมาตลอดหนึ่งอาทิตย์!! ซึ่งจนแล้วจนรอดผมสามารถพิมพ์ได้ 40 ตัวอักษรต่อนาทีแบบไม่ต้องหันไปมองก็หนึ่งปีหลังจากนั้น เห็นไหม.. มันมีจังหวะของมันอยู่นะครับ
ทีนี้สิ่งที่ผมอยากบอกแฟนของผม ไม่ใช่สิ สิ่งที่ผมอยากจะบอกผู้อ่านโพสนี้ทุกคนก็คือ เมื่อเราตัดสินใจที่จะเรียนรู้เรื่องอะไรใหม่ๆ ที่ตัวเราเองสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง digital planner, การใช้งาน AI สร้างภาพ, การตัดต่อคลิปวิดีโอ หรือการฝึกพูดหน้ากล้องก็ตาม ทุกอย่างมีขั้นมีตอนของมัน และเราต้องให้เวลากับขั้นตอนเหล่านั้นให้ได้อย่างมากพอด้วย จะไปเร็ว หรือไปช้า ขอแค่อยู่กับทุกขั้นตอนได้อย่างสม่ำเสมอ ปลายทางนั้นเราจะได้เก่งในสิ่งที่เราต้องการอย่างแน่นอน
ส่วนตัวผมชอบการเขียนมาก ผมอยากเก่งในทักษะนี้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชีวิตผมเองก็มีเรื่องนี้อยู่ในไทม์ไลน์ชีวิตมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเขียน Journal ประจำวัน การเขียนโพสและ Ebook หรือแม้แต่การเรียนรู้เพิ่มเติมจากการอ่านและคอร์สเรียนที่เกี่ยวข้อง
แต่ถึงผมจะรักการเขียนมากแค่ไหน การที่จะเขียนโพสให้ได้ทุกวันนั้นยากเย็นเหลือเกิน ทั้งความคาดหวังที่อยากจะทำออกมาให้ได้เจ๋งๆ และเวลาที่จำกัดในแต่ละวันเพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำ มันก็เลยเป็นเหมือนข้ออ้างที่ผมใช้มาตลอด
แต่วันนี้ผมได้แรงบันดาลใจดีๆ จากแฟนของผม ที่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ถึงมันจะทำให้เวลาของผมลดลงตามไปด้วยก็ตาม แต่ในที่สุดแล้ว วันนี้ Challenge Day 3 ของผมก็สามารถเขียนออกมาได้ และทั้งหมดนี้ต้องบอกว่ามาจากเธอคนนี้จริงๆ
love love 😅