ลดน้ำหนัก 5 กิโล ในสองเดือน ออกกำลังนิดหน่อย กินอร่อยเหมือนเดิม ใครๆ ก็ทำตามได้

1 มค 22 – 9 มีค 22 ลดไป 5.3 กิโลกรัม

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา ผมค่อนข้างที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัว และไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพเท่าที่ควรจะเป็น ถ้าจะมีข้ออ้างก็น่าจะเป็นเรื่องงานที่ต้องทำ และสถาณการณ์ covid-19 ที่เร่งเร้าให้ปัญหาต่างๆ เพิ่มเข้ามาให้ต้องจัดการมากยิ่งขึ้น น้ำหนักตัวผมในช่วงปลายปี 2019 อยู่ที่ประมาณ 62 กิโลกรัม ก็พุ่งขึ้นมาที่ 70.8 กิโลกรัมในเดือนธันวาคมปี 2021 ที่ผ่านมา.. เรียกว่ากลับมาอวบระยะสุดท้ายอีกครั้ง และการที่ไม่ได้ดูแลสุขภาพให้ดี ออกกำลังน้อย กินอาหารไม่เลือก นอกจากเรื่องน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นแล้ว สภาพร่างกาย พลังสมอง ความสามารถในการทำงานก็แย่ลงตามไปด้วย

ช่วงปีใหม่ 2022 ผมก็เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างกับร่างกายและสุขภาพแบบจริงจังได้แล้ว และเป้าหมายไม่ได้อยู่แค่น้ำหนักที่ลดลงเท่านั้น แต่เป็นการที่จะเป็นคนที่มีนิสัย “สุขภาพดี” แบบยั้งยืน ตลอดไป เพราะการเป็นคนที่มีนิสัย สุขภาพดี หมายความว่าเราจะไม่กลับไปน้ำหนักเกินอีกแน่นอน เราจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ได้อย่างเต็มที่มากขึ้นด้วย เพราะทุกสิ่งที่เราทำ ที่เราชอบ ที่เรารัก ล้วนอยู่บนพื้นฐานการใช้งานร่างกาย หัวใจ และสมองทั้งนั้น และเมื่อเราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่มากขึ้น เราก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้นในทุกๆ ด้านตามไปด้วย

แล้วการที่จะเป็นคนที่มีนิสัย “สุขภาพดี” ต้องทำอะไรบ้าง?

ต้องบอกว่าที่ผ่านมานั้น ผมเป็นคนที่มีการตั้งใจลดน้ำหนักอยู่บ่อยครั้ง ทำสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จก็เยอะ แต่เรื่องนี้มันก็ทำให้ผมพอจะมีความรู้เรื่องการลดน้ำหนักแบบต่างๆ และความรู้เรื่องสุขภาพ ค่อนข้างดี เพราะเราก็หาข้อมูลมาเยอะ และล่าสุดจากการอ่านหนังสือที่ชื่อ วิทยาศาสตร์ความอ้วน (The Obesity Code) โดย Dr. Jason Fung ทำให้ผมเลือกที่จะฟันธงได้ว่าผมควรจะใช้วิธีอะไรในการดูแลสุขภาพครั้งสุดท้ายของผมในวันนี้

และนี่คือ 3 สิ่งที่ผมเลือกทำ

  • กินแบบ Low Carb ลดแป้งและน้ำตาล
  • Intermittent Fasting 16/8
  • ออกกำลัง วันละ 1 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

1. กินแบบ Low Carb ลดแป้งและน้ำตาล

ผมเลือกที่จะใช้วิธีนี้ เพราะมีงานวิจัยมากมายที่สนับสนุน ซึ่งทั้งหมดคุณสามารถหาอ่านได้มากมายใน google และถ้าจะให้ผมแนะนำเผื่อว่าคุณสนใจเรื่องนี้มากๆ ก็ให้ลองหาหนังสือ The Obesity Code วิทยาศาสตร์ความอ้วนมาอ่านนะครับ ละเอียดยิบ ที่สำคัญเรายังได้กินอร่อยอยู่ ไม่ต้องอดทนกินอาหารคลีนที่รสชาดจืดชืด

สำหรับการกินแบบลดแป้งและน้ำตาล ไม่ได้หมายความว่าจะกินไม่ได้เลยนะครับ เรายังกินแป้งกินน้ำตาลได้อยู่ เพียงแต่ลดให้เหลือปริมาณที่พอดีแค่นั้น และสำหรับที่ผ่านมานั้นผมก็ไม่ได้มีตัวเลขอะไรเอามาใช้ระบุว่าต้องกินแป้งได้เท่าไหร่ หรือน้ำตาลปริมาณเท่าไหร่ถึงจะพอดี ผมคิดเอาง่ายๆ แค่ว่า ก่อนหน้านี้เรากินแป้งเท่าไหร่ ก็กินให้น้อยกว่านั้นแค่นั้นเองครับ เช่น ถ้าก่อนหน้านี้คุณกินข้าวมื้อนึงตักข้าว 2 ทัพพี ก็ลดมาเหลือแค่ 1 ทัพที ครึ่งๆ ไปเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่อิ่ม เพราะเราก็จะกินกับข้าวมากขึ้น กินพวกโปรตีนอย่างเนื้อหมู ไก่ ปลา เพื่อให้อิ่มแทนปริมาณข้าวที่เราลดลงไป แบบนี้เราก็จะยังอิ่ม และกินอร่อยเหมือนเดิมเลย

ส่วนตัวผมเป็นคนที่ติดข้าวมากๆ ทำให้ในช่วงแรกๆ ที่ลดแป้งเนี่ยก็มีความอยากกินที่เกินจะห้ามใจอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าฝืนมันเอาไว้หน่อย พอผ่านไปสักอาทิตย์ทีนี้จะเริ่มเอาอยู่แล้วครับ เริ่มไม่ค่อยโหยหาข้าวแล้ว

ชีวิตประจำวันส่วนใหญ่แล้วผมจะกินที่ร้าน หรือไม่ก็สั่งมากินที่บ้าน น้อยครั้งมากที่จะทำกินเอง หลักๆ ผมก็จะกินพวกเกาเหลา สุกี้หมู ข้าวมันไก่ ข้าวหมกไก่ พวกที่เป็นข้าวผมจะกินแค่ครึ่งเดียว และในบางมื้อผมก็จะไม่กินข้าวเลย เลือกที่จะกินสเต็ก สลัดหมูทอด หมูอบ อะไรแบบนี้แทน หลักๆ ก็คือลดแป้งลงจากที่เราเคยกินนั่นแหละครับ และกินให้อิ่มในแต่ละมื้อ

ส่วนเรื่องน้ำตาลนั้น ส่วนใหญ่มักจะมาในรูปแบบน้ำหวานต่างๆ กาแฟเย็น ชาเย็น ไอติม ขนม เบเกอรี่ ของพวกนี้ไม่กินเลยนะครับ คือถ้าใครที่เป็นคนที่กินของพวกนี้เป็นประจำอาจจะทำได้ลำบากแน่ๆ ก็ให้ค่อยๆ ลดเอาแล้วกัน ส่วนตัวผมไม่ค่อยกินอยู่แล้ว กาแฟผมกินเป็นกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล ขนมผมนานๆ กินที ไม่ได้กินเป็นประจำ ดังนั้นเรื่องนี้ ผมเลยทำได้ไม่ยาก ไม่ลำบากเท่าไหร่

กินอร่อยเหมือนเดิม แค่ลดแป้งลง ข้าวมันไก่ กินข้าวครึ่งชาม, สลัดเนื้อ, สุกี้, เกาเหลา กินง่าย สำคัญ งดขนมได้จะดีมาก 🙂

Cheat day / Cheat meal มีไหม?

ผมไม่ได้ระบุว่าจะมีวันไหน หรือมื้อไหนที่เป็น Cheat day หรือ Cheat meal ครับ ผมแนะนำว่าในช่วง 2 อาทิตย์แรกในการเริ่มต้นเนี่ย ไม่ควรไปคิดเรื่องนี้เลย พยายามทำให้ร่างกายรู้สึกว่าต้องปรับตัวให้ได้ก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งไปยอมแพ้มัน และหลังจากนั้นผมจะใช้วิธีคิดแบบนี้ครับ ในบางสถานการณ์เรามีโอกาสที่จะได้กินขนม อร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปนั่งคาเฟ่กับครอบครัว หรือร่วมโต๊ะกับเพื่อนฝูง ให้เราเอาความรู้สึกเราเป็นตัววัด ดูว่า วันนี้เราอยากกินมากจริงๆ ไหม คือคนเราจะมีช่วงเวลาที่อยากกินอะไรมากๆ เป็นพิเศษ ผมว่าคุณผู้อ่านน่าจะพอเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ ถ้าเราคิดดูแล้วว่าเราไม่ได้อยากกินอะไรขนาดนั้น เราก็ไม่ต้องกินครับ หรืออาจจะกินตามมารยาทสักเล็กน้อยก็ได้ แต่ระวังนิดนึงนะ ส่วนใหญ่ของอร่อยกินคำแรกแล้วย่อมจะมีคำต่อไปนะครับ ยังไงก็ลองตัดสินใจกันดู สำหรับผมถ้าไม่รู้สึกว่าอยากกิน จะไม่กินเลย แต่ถ้ารู้สึกว่าวันนี้โคตรอยากกิน ผมก็จะกิน เราจะไม่ตัดความอร่อยออกไปจากชีวิตนะ แต่เราจะยึดเอาความพอดีมาใช้ครับ

2. Intermittent Fasting 16/8 หรือการทำ IF 16/8

Intermittent Fasting 16/8 คือการแบ่งช่วงเวลาใน 1 วันออกเป็น 2 ช่วงชัดเจน คือช่วงที่สามารถกินอาหารได้ (Feeding) 8 ชั่วโมง และช่วงที่งดการกินอาหาร (Fasting) 16 ชั่วโมง ซึ่งในช่วงงดนี้เราสามารถที่จะกินสิ่งที่ไม่มีแคลอรี่ได้ อย่างเช่น น้ำเปล่า กาแฟดำเพียวๆ ไม่เติมน้ำตาล

ตื่นนอนขึ้นมาผมจะดื่มน้ำแก้วใหญ่ราวๆ 500 ml และสักพักก็จะต้มกาแฟดำ ไม่ใส่นม หรือน้ำตาลดื่ม 1 แก้ว มื้อแรกผมจะเริ่มกินหลัง 11 โมงเช้า และมื้อที่สอง ซึ่งเป็นมื้อสุดท้ายจะกินให้แล้วเสร็จก่อนหนึ่งทุ่ม นับรวมกันเป็น 8 ชั่วโมง 11.00-19.00 ส่วนใหญ่จะผมจะเลือกกินทุกอย่างให้อยู่ในมื้ออาหาร จะไม่มีขนมจุบจิบ พวกอาหารว่าง หรือผลไม้นอกรอบ แต่ไม่ได้เคร่งครัดมากนะครับ ถ้าวันไหนมีอาหารหิว เหมือนว่ามื้อกลางวันกินน้อยเกินไป ผมก็อาจจะดื่มนมที่มีโปรตีนสูง หรือกินผลไม้ แบบนี้ก็มีบ้างเหมือนกัน

การกินสองมื้อในแต่ละวัน ผมไม่ได้คิดเรื่องจำนวนแคลอรี่เข้า-ออกเลยนะครับ สิ่งสำคัญคือเราต้องกินให้อิ่มในแต่ละมื้อ อิ่มนะครับไม่ใช่กินจนจุก ส่วนตัวถ้ากินอิ่มจะอยู่ได้ยาวจนถึงมื้อที่สองในเวลาประมาณ 5 โมงเย็นได้สบายๆ เลย ไม่มีโหยหาอะไร

การทำ fasting นอกจากจะทำให้นำ้หนักลดได้แล้ว ยังส่งผลให้สุขภาพร่างกายเราดีขึ้นด้วย ในช่วงที่เราหยุดกินจะเป็นช่วงที่ร่างกายมีระดับอินซูลินที่ต่ำ และสภาพแบบนี้ทำให้ร่างกายเราดึงไขมันที่เก็บเอาไว้ออกมาใช้ได้ดี และในกระบวนการดึงไขมันมาใช้เนี่ย ร่างกายก็จะมีการหลั่งฮอร์โมนที่มีประโยชน์ออกมา เช่น Growth Hormone และ Norepinephrine ส่งผลดีต่างๆ มากมาย

การทำ fasting มีหลายแบบเวลาอยู่เหมือนกันครับ ที่ผมเลือก 16/8 เพราะว่ามันเข้ากันได้ดีกับชีวิตประจำวันส่วนตัว คุณสามารถปรับเวลาให้สอดคล้องกับเวลาชีวิตได้เหมือนกัน อาจจะเริ่มกินมื้อแรก 8 โมง และไปจบมื้อสุดท้ายก่อน 4 โมงเย็น แบบนี้ก็ได้เหมือนกันครับ

3. ออกกำลัง วันละ 1 ชั่วโมง 5 วันต่อสัปดาห์

ข้อนี้เชื่อว่ามีหลายคนไม่อยากอ่านต่อ แต่อ่านหน่อยนะ ผลจากการออกกำลังนอกจากจะทำให้เราเหนื่อยแล้ว ร่างกายเราจะแข็งแรงขึ้น ระบบการทำงานต่างๆ เช่นหัวใจ ปอด ก็จะทำงานได้ดีขึ้นเช่นกัน การออกกำลังเบาๆ เพียงวันละ 30 นาทีเป็นประจำสามารถสร้างผลลัพท์ที่ดีมากมายให้กับร่างกายของได้ด้วยนะครับ

ผมออกกำลังช่วงเช้า และใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง รวมตั้งแต่การวอร์มร่างกาย ออกกำลัง และยืดเหยียด ช่วงเดือนแรกๆ ผมจะเน้นการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ โดยมีสองกิจกรรมสลับวันกันทำ ระหว่าง กระโดดเชือก และการเล่นเชือก Battle Rope ออกกำลัง 5 วันต่อสัปดาห์และพัก 2 วันในวันศุกร์และวันเสาร์

ที่ผมรู้สึกได้เลยจากการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอก็คือ มันช่วยให้ความเครียดระหว่างวันลดลงได้ และทำให้ผมมีสมาธิในการทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นแบบรู้สึกได้เลย วันไหนที่ขาดการออกกำลังติดกันหลายวันจะรู้สึกถึงความแตกต่างในการทำงานได้ชัดเจน

ช่วงแรกกระโดดเชือก และ Battle Rope สลับวันกันไป

และนี้ก็คือภาระกิจที่ผมตั้งใจทำสำหรับการที่จะได้ชื่อว่าเป็นคนสุขภาพดีปี 2022 อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ ในตอนที่กำลังเขียนเรื่องนี้อยู่น้ำหนักผมอยู่ที่ 65.50 kg ซึ่งเป็นนำ้หนักที่ลดมาจาก 70.8 kg ในช่วงต้นปีก่อนจะเริ่มภาระกิจ น้ำหนักหายไป 5.3 kg ในเวลาประมาณ 2 เดือน 10 วัน เรียกว่ามีผลลัพท์ให้เห็นเป็นเรื่องเป็นราวเลยทีเดียว

นอกจากได้ชื่อว่าเป็นคนสุขภาพดีแล้ว สิ่งที่ได้ตามมาจากการที่ทำอะไรดีๆให้ตัวเองอย่างสม่ำเสมอก็คือ เรากลายเป็นคนมีวินัย วินัยจากการออกกำลังสม่ำเสมออย่างที่ตั้งใจ 5 วันต่อสัปดาห์ วินัยจากการลดแป้ง ลดน้ำตาลลงในอาหารที่กิน ทำอย่างต่อเนื่องมากว่า 3 เดือน

และความรู้สึกว่าเรามีวินัยเนี่ยนะครับ มันเอาไปใช้ต่อยอดในการทำสิ่งต่างๆ ได้อีกเยอะเลย มันเหมือนเป็นแรงผลักดัน เป็นตัวอย่างที่เราเห็นอยู่กับตัวเองว่า ถ้าเราสม่ำเสมอกับอะไร อย่างน้อยๆ เราก็จะได้ผลลัพท์ที่ดีกว่าเดิมแน่ๆ ในทุกๆ ด้านที่เราทำ เรียกว่านอกจากได้สุขภาพดีแล้ว เรายังกลายเป็นคนที่ดียิ่งขึ้นไปด้วยนะครับ

ถึงตรงนี้แล้วผมอยากจะฝากช่อง Tiktok ผมเอาไว้หน่อยนะครับ เป็นช่องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผมเอง ออกกำลังยังไง กินอะไรบ้าง ซึ่งช่วงแรกๆ ผมก็ถ่ายทุกวันอัพทุกวันนะ แต่หลังๆ ผมว่ามันน่าเบื่อไปหน่อย กิจกรรมมันซ้ำๆ เดิม เดี๋ยวคนติดตามจะเบื่อเอา ผมเลยคิดว่าจะปรับรูปแบบเนื้อหาใหม่ ให้น่าดู และมีประโยชน์มากขึ้นครับ ขอบคุณที่ไปติดตามกันนะครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *