คุณเคยโดนโลกโซเชี่ยลรุมป้ายยาไหมครับ และสุดท้ายก็เสียเงินซื้อหามันมา ด้วยเหตุผลที่ว่า ของมันต้องมี นี่คือตัวจบ แล้วคุณรู้ไหมครับว่า นอกจากเงินที่เสียไปแล้ว เรายังเสียเวลาชีวิตให้กับสิ่งของที่เราไม่ได้จำเป็นต้องใช้ด้วย วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กันครับ
ผมยอมรับก่อนเลยนะครับ เรื่องที่เราจะมาคุยกันในวันนี้เป็นเหตุการณ์จริง base on true story เลยทีเดียว ไม่ใช่ใครที่ไหน ตัวผมเองนี่แแหละครับ และผมก็เชื่อนะครับว่าหลายๆ คนก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ผมเป็นพวกที่โดนป้ายยาง่ายมาก โดยเฉพาะพวกอุปกรณ์ถ่ายภาพ กล้องถ่ายรูป และรวมถึง gadget ต่างๆ ด้วย คือก็พอรู้ตัวเองมาสักพักใหญ่ๆ แล้วนะ ว่านิสัยแบบนี้ไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ พยายามแก้ไขเหมือนกันนะครับ แต่เผลอทีไรก็มีของมาส่งที่บ้านทุกที ก็เป็นแบบนี้ซ้ำๆ มาหลายปีนะครับ
แต่วันนี้นะครับ น่าจะถึงเวลาที่จะต้องทำอะไรซักอย่าง เพราะว่า การโดนป้ายยา และไปจบที่ของมันต้องมี ไม่ได้ทำให้เราเสียแค่เงินที่จ่ายไปเท่านั้น แต่มันยังมีเรื่องของเวลาที่เราต้องเสียไปด้วย ..
เรามาดูกันดีกว่าครับว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น.. เรื่องราวการโดนป้ายยาแต่ละรอบของผม กระบวนการจะไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่นะครับ ส่วนใหญ่ในช่วงแรกๆ ผมไม่ได้มีความอยากได้เลยด้วยซ้ำ อย่างตอนที่ insta360 one R ออกมาใหม่ๆ ผมก็มีความรู้สึกว้าวในสเปกและความมี นวัตกรรมของเค้าเหมือนกันนะ แต่ก็ไม่ได้อยากได้สักเท่าไหร่ มันเริ่มต้นจากการที่ผมเลื่อนฟีดในมือถือ ดูโน่น ดูนี่ใน facebook แล้วก็ไปเจอเพื่อนในเฟสโชว์วีดีโอที่ได้จากกล้องตัวนี้ ผมก็แบบว่า เอ่อ ดีแฮะ ทำแบบนี้ก็ได้ เจ๋งดีอะ ก็เลยไปต่อที่ youtube แล้วก็ค้นคำว่า “insta360 one R รีวิว” ทีนี้ยาวเลยครับคุณผู้ชม ทีแรกก็เข้าไปดูเล่นๆ แหละ แต่พอดูไปสักพัก กลายเป็นการไปดูเพื่อหาเหตุผลเพื่อที่จะสร้างความชอบธรรมในการซื้อซะอย่างนั้น เป็นซะแบบนี้
ส่วนตัวไม่ได้มีฐานะชนิดที่ว่าอยากได้อะไรก็กดซื้อ กดเอา อะไรแบบนี้นะครับ มันต้องผ่านการกรั่นกรองกันพอสมควร นี่ทำให้ผมใช้เวลาไปกับการดูรีวิวเยอะมาก ทีนี้พอเราได้เริ่มป้ายยาตัวเองแล้ว ตอนนี้เรามองไปทางไหนในโลก social มันก็จะเห็นแต่สิ่งที่เราสนใจเต็มไปหมด ซึ่งก็เป็นไปตามระบบทุนนิยมของโลก social นะครับ ที่มันออกแบบมาให้เราอยากมีมากขึ้น อยากได้ของใหม่ ย้ำเตือนให้เราเห็นว่า นี่คือสิ่งที่เราต้องมี ตามหลอกหลอนจนสุดท้าย ก็เสียเงินจนได้ครับ และเราอาจจะไม่ได้เสียเงินซื้อแค่ของที่เราสนใจด้วย ในเคสที่ผมยกตัวอย่าง มีหลายรีวิวนะครับ ที่มีการปรียบเทียบ insta360 one R 1 in กับตัว sony zv-1 และ influencer หรือ youtuber ก็ทำหน้าที่เค้าได้ดีมากๆ เลยนะครับ เคสนี้ผมเลยโดนมาทั้งคู่เลย …
การได้ครอบครองของที่อยากได้ เป็นความสุขอย่างนึงแน่นอน แต่ของที่ไม่ได้จำเป็น เราก็จะมีความสุขกับมันได้ไม่นานครับ 2 วัน 3 วัน หรือ 1 เดือน ผมก็จะเริ่มรู้ตัว และถามตัวเองแล้วว่า “กูเอามาทำอะไรวะ” แต่ด้วยความที่กลัวหน้าแตก เกรงใจเหตุผลในวันนั้นที่ทำให้เราจ่ายเงินซื้อมา ผมก็เลยพยายามหาทางใช้งานมันนะครับ ทั้งๆ ที่ ไม่มี ไม่ใช้ก็ได้ คือถ้าเป็นคนที่เค้าจำเป็นต้องใช้งานจริงๆ เค้าก็คงไม่ได้ใช้เวลาเยอะ เค้าซื้อเพราะมันช่วยงานเค้าได้จริง แบบนี้ตอบโจทย์ในการใช้งานของเค้า ก็จบ..
นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำผมเสียเวลา แทนที่จะเอามาลงกับสิ่งที่ต้องลงมือทำ อย่างการทำ youtube ผมเสียเวลาไปกับการดูริวิว การป้ายยาตัวเอง การไปหยิบจับของที่ไม่จำเป็น แล้วมาหาเหตุผลที่จะใช้มัน ซึ่งไม่ได้ตอบโจทย์สิ่งที่กำลังทำเลยสักนิด แทนที่จะเอาเวลาไปทำคอนเทน ถ่ายคลิป ตัดคลิป ซึ่งก็ต้องใช้เวลาและพลังงานเยอะอยู่แล้ว.. เฮ้ออ พูดแล้วขึ้นนน
แล้วจะบอกให้คุณผู้ชมรู้นะครับว่าผมคิดอะไรตอนซื้อ insta360 one r และ sony zv-1 เหตุผลอะไรที่ผมเอามาสร้างความชอบธรรมให้การซื้อครั้งนั้น ในตอนนั้นผมให้เหตุผลกับตังเองแบบนี้ครับว่า กล้องตัวเล็กๆ มันพกพาสะดวก ไฟล์สวย ทำ vlog ได้ดีเยี่ยม .. นี่คือเหตุผลที่ผมเสียเงินซื้อมาใช้ แต่ แต่นะครับ ผมไม่ได้ทำ vlog และผมก็ไม่กล้าทำ vlog ด้วย ให้ไปเดินถือกล้องพูดในที่สาธารณะผมอาย… แต่ผมก็ซื้อมันมา เพื่ออออ!
ที่สำคัญนะครับ เหตุการแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวนี่สิครับ ที่เล่าให้ฟังนี่คือเคสหนึ่งในหลายๆ เคสของผม ที่มองว่ามันเริ่มเป็นปัญหาก็น่าจะเพราะว่าอายุที่เพิ่มขึ้นของผมด้วย เหมือนว่าเวลามันเหลือน้อยลงทุกที แต่ผมเองก็ยังเสียเวลากับเรื่องไม่ใช่เรื่องซ้ำซาก
…
โลกปัจจุบันบอกเราตลอดเวลาว่า การมีมากขึ้นคือเรื่องดี การไม่มีคือขาด ของเก่าที่เคยใช้งานได้ดี ที่เคยเป็นตัวจบของเรา กลายเป็นจุดอ่อนที่วันนี้เราต้องกำจัด หรือหามาเพิ่ม
ผมเห็นด้วยนะครับว่าโลกบอกเราแบบนี้จริงๆ ที่ทำได้คือเราต้องมีสติครับ และต้องรู้เท่าทันตัวเอง ซึ่งก็ไม่ง่ายเลย
เวลาของเราแต่ละคนมีไม่มากหรอกครับ แค่สิ่งที่เราต้องทำ ที่เราอยากทำจริงๆ เราก็คงทำมันไม่ได้ทั้งหมดอยู่แล้ว แล้วถ้ายังต้องมาเสียเวลา เสียเงินกับเรื่องที่ไม่ได้ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าบ่อยๆ ในวันหนึ่งที่เวลาเราเหลือน้อย ในวันที่เราแก่ตัวลงไป เวลาที่เรามองกลับมา เราคงจะนอยด์กับตัวเองน่าดู …